ข้าวหอมพัทลุง 72 ชาวนาเขาชัยสน ปลูกรายแรก ผลผลิตกว่า 1 ตัน / ไร่

ข้าวพันธุ์ใหม่ปี 68  “ข้าวหอมพัทลุง 72” ของศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง ชาวนาแปลงใหญ่เขาชัยสน ปลูกรายแรก ผลผลิตกว่า 1 ตัน  / ไร่ โรงสีข้าวลุยทำตลาด ชาวนา สุพรรณบุรี ขอนแก่น สั่งจองพันธุ์ข้าว ตั้งราคา 27 บาท / กก. เมล็ดพันธุ์

นายประจวบ เกตุนิ่ม เกษตรกรทำนา สาขาทำนาดีเด่น ปี 2568 ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวตำบลควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม  ต.ควนขนุน อ.เชาชัยสน จ.พัทลุง ที่ผ่านมา  นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) การผลิตข้าวพันธุ์ดีในนาแปลงใหญ่  ซึ่งมีศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง ปัตตานี กระบี่ นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฎร์ธานี เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ จ.พัทลุง และนายอำเภอเขาชัย พร้อมชาวนา ฯลฯ จ.พัทลุง เข้าร่วมที่ผ่านมาซึ่งเป็นโครงการการทดสอบการผลิตในนาเกษตรกรและประเมินการยอมรับต่อข้าวสายพันธุ์ดีเด่น

ภายใต้แผนงาน การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าเพื่อการค้าและการใช้ประโยชน์โดยข้าว กข.109 พัทลุง หรือข้าวหอมพัทลุง 72 ของศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง ได้รับการจดทะเบียนเป็นพันธุ์ข้าวของกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568

นายประจวบ กล่าวอีกว่า พันธ์ข้าว กข. 109 พัทลุง หรือข้าวหอมพัทลุง 72 ซึ่งมีคุณภาพข้าวนุ่ม กลิ่นหอม กินอร่อย และหุงขึ้นหม้อ อีกทั้งรวงใหญ่และยาว ลำต้นนแข็งแรงทนน้ำต้นลม และต้านทานโรค แมลงข้าวหอมพัทลุง 72  เป็นการปลูกครั้งที่ 2  จำนวน 9 ไร่ ในกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวตำบลควนขนุน โดยจะเก็บเกี่ยวประมาณปลายเดือนกรกฎาคม 2568   ซึ่งครั้งแรกระหว่างการทดลองของกลุ่มปลูกในพื้นที่ประมาณ 3 งาน ได้ผลผลิตประมาณ 700 กก.

“ข้าวหอมพัทลุง 72  จากงานของวิจัยของศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง จะให้ผลผลิตประมาณ 1,058 กก. / ไร่”

นายประจวบ กล่าวอีกว่า แต่ทั้งนี้จะต้องปลูกข้าว ทำนาอย่างมืออาชีพ มีขั้นตอนในการดูแลรักษาบำรุงที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นทาง คือการไถแปรปลูกและจนถึงปลายทางคือการเก็บเกี่ยวการด้านตลาดซึ่งโรงสีท่าโพธิ์ อ.เขาชัยสน จะเป็นผู้บริหารจัดการในการซื้อการขาย เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลกับผู้ทำนา ส่วนทางกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวตำบลควนขนุน จะเป็นผู้ผลิตและจะให้สินเชื่อกับสมาชิกกลุ่มในการทำนา ว่าต้องปริมาณเท่าใด จำนวนเท่าใด เช่น 100 ไร่ 150 ไร่ 200 ไร่  เพื่อให้เกิดผลผลิจจำนวนที่ชัดเจนรองรับกับการบริหารจัดการตลาด

“สำหรับเมล็ดพันธุ์ ข้าวหอมพัทลุง 72 ราคาประมาณ 27 บาท / กก. ซึ่งเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมพัทลุง 72 และมีคำสั่งจองหลายรายแล้ว และจากหลายพื้นที่ มี จ.ขอนแก่ จำนวน 100 กก. และได้ให้ไปยังเกษตรกรชาวนา จ.สุพรรณบุรี จำนวน 10 กก.ด้วย”

“แต่ในกลุ่มสำหรับตน จะเก็บข้าวเปลือกไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ เพื่อจำหน่าย และส่วนหนึ่งนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวสารบรรจุถุงขาย  ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มประมาณครึ่งต่อครึ่ง เช่น ราคาตันละ 8,000 บาท ก็จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 16,000 บาท / ตัน”

นายประจวบ กล่าวอีกว่า ข้าวหอมพัทลุง 72 จะทำเฉพาะนาปรัง มีระยะเวลา 115 วัน โดยใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 18 กก. / ไร่ ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ สำหรับพันธุ์ข้าวพื้นเมือง จ.พัทลุง ในกลุ่ม มีพันธุ์เล็บนก ราคา 27 บาท / กก. สังข์หยด 40 บาท / กก. ซึ่งทั้ง 2 พันธุ์ เป็นข้าวยอดนิยมและมีราคาที่ยั่งยืน การทำนาต้องทำอย่างมืออาชีพ จะยั่งยืนและได้ผลตอบแทนที่ดี

นายประจวบ กล่าวอีกว่า และยังมีประเด็นสำคัญในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว คือชาวนาจะต้องร่วมกลุ่มกันทำยุ้งข้าวหรือแก้มลิงในการเก็บสต๊อกข้าวเปลือก เมื่อเกิดภาวะดีมานด์ซัพพลายที่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าว เมื่อข้าวราคาตกต่ำก็จะสามารถเก็บข้าวเปลือกเอาไว้ แต่เมื่อราคาปรับตัวก็ออกขายได้ ซึ่งในกลุ่มฯ ได้ดำเนินการอยู่แล้ว จะเป็นการประกอบอาชีพที่ยั่งยืน.

 

Related posts